วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย

คำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย 

1.  SMEs หรือ ธุรกิจขนาดย่อม หมายถึง ธุรกิจที่เป็นอิสระมีเอกชนเป็นเจ้าของ ดำเนินการโดยเจ้าของเอง ไม่เป็นเครื่องมือของธุรกิจใดไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของบุคคลหรือธุรกิจอื่น มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำและมีพนักงานจำนวนไม่มาก 


2.  SMOT หรือ Second Moment of Truth เป็นช่วงเวลาที่ลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว และมีประสบการณ์ในการใช้งานสินค้าดังกล่าว เค้าเหล่านั้นอาจจะมาเขียนรีวิวแบ่งปันข้อมูลบนเว็บไซต์ก็เป็นได้


3.  SoLoMo  So คือ Social เครือข่ายสังคม Lo หรือ Local การเข้าถึงธุรกิจหรือบริการสำหรับคนพื้นที่ ท้องถิ่น และ  Mo หรือ  Mobile เข้าถึงผู้ใช้งานมือถือ


4.  Search Engine Marketing คือส่วนหนึ่งของInternet Marketing เป็นการทำการตลาดผ่านเว็บSearch Engine ชื่อดังทั่วโลกได้แก่ Google Yahoo หรือ MSN โดยการทำการตลาดแบบนี้นั้นมุ่งเน้นที่การขึ้นอันดับในอันดีบต้นๆเป็นหลักเพื่อโอกาศที่ผู้เข้าชมเว็บจะเข้าชมเว็บมากขึ้น        Search Engine Marketingนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น2แบบได้แก่ 
       1. Pay Per Click
       2. SEO(Search Engine Optimization) 


5. Pay per Click  หรือที่มักนิมยมเรียกอย่างย่อว่า PPC คือ การลงโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่ายกับทาง Search Engine เกิดขึ้นเมื่อมีผู้เข้าเยี่ยมชม ค้นหาคำที่ตรงกับ Keywords ของเว็บไซต์ที่ต้องการโฆษณา และเว็บไซต์ที่ต้องการลงโฆษณาปรากฏอยู่ทางด้านขวามือของ Search Engine โดยผู้ลงโฆษณาจะเสียค่าใช้แบบ Pay Per Click ก็ต่อเมื่อผู้เข้าค้นหา คลิกไปที่เว็บไซต์ที่ลงโฆษณา


 6.  Google AdWords คือ การโฆษณาหรือโปรโมทเว็บไซต์รูปแบบหนึ่งกับ Google มีการคิดค่าใช้จ่ายโฆษณาแบบ pay per click เป็นการจ่ายโฆษณาตามที่มีการคลิ๊กดูโฆษณาของเรา การเสียค่าใช้จ่ายแบบนี้จะเป็นการเสียค่าใช้จ่ายตามจริง เมื่อผู้ใช้บริการค้นหาข้อมูลคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของเราเท่านั้น และโฆษณาจะปรากฏให้ผู้ชมเห็นตามคีย์เวิร์ด (Keyword) หรือ กลุ่มคำที่คุณเลือกไว้ซึ่งเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ  


7. Google Street View นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Google Map โดยการใช้งานจะเป็นการเชื่อมต่อกัน เมื่อเราทำการ Zoom in แผนทีไปที่ ขนาด 20ม. ต่อ 100ฟุต (ใหญ่สุด) และเมื่อเรา Zoom in ต่อไปอีกก็จะพบกับ Mode Street View ที่เป็นภาพถ่ายแบบ 360 องศา มุมมอง 45 องศาจากทาอากาศ และสามารถดูสิ่งปลูกสร้าง 3 มิติได้ทั้งหมด การเก็บภาพนั้นเป็นการเก็บภาพจากกล้องถ่ายภาพพิเศษของ Google 


8. Google Hangout ใน Google+ ก็เป็นจุดเด่นของระบบใน Google+ เพราะมันจะช่วยให้เราสามารถประชุมหรือคุยกับเพื่อนพร้อมๆกันได้ถึง 10 ในเวลาเดียวกัน นั้นก็หมายความว่าเราจะประชุมหรือนัดหมายวางแผนงานกันได้


9.  search engine optimization: SEO เป็นการจัดทำ ปรับปรุงเว็บไซต์หรือเว็บเพจ เพื่อให้ติดอันดับต้น ๆ ในหน้าผลการค้นหาของเสิร์ชเอนจิน ด้วยวิธีการธรรมชาติหรือที่ไม่เสียค่าใช้จ่าย   ซึ่งผ่านทางเป้าหมายของคำค้นหาที่ต้องการ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ การทำการตลาดผ่านระบบค้นหา หรือ search engine marketing (SEM)


10. Digital Marketing คือ การสื่อสารการตลาดเพื่อสร้างความนิยม หรือความรับรู้ของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายที่มีต่อแบรนด์สินค้า หรือบริการ โดยการใช้สื่อแบบ Digital อันประกอบด้วย โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เน็ต เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสื่อ Digital อื่นๆ เช่น ป้ายโฆษณาแบบ Digital เป็นต้น


11. Banner (แบนเนอร์) คือ ป้ายโฆษณาสินค้าหรือบริการต่างๆ ที่สามารถนำไปแสดงผ่านหน้าเว็บไซต์ โดยภายในจะมีเนื้อหา รูปภาพแสดงสินค้าหรือบริการอยู่ และ อาจจะเพิ่มสีสันด้วยการกระพริบ-เคลื่อนไหวของป้ายแบนเนอร์ เพื่อให้ผู้ใช้ internet ที่เข้ามาเห็น เกิดความสนใจที่จะคลิกเข้าไปดูเนื้อหานั้นๆ อาจจะเป็นความสนใจในเนื้อหาของ banner หรือ web site หรือ สินค้าที่ขาย หรือ สนใจในบริการที่มีให้อะไรก็แล้วแต่ แล้วก็กดที่ภาพ "Banner" นั้น เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหน้าเว็บที่ลิ้งค์ไปหาแหละจร้า


12. Go-Global คือซอร์ฟแวร์คลาวด์ ประกอบด้วยซอร์ฟแวร์สำหรับแม่ข่าย และซอร์ฟแวร์ลูกข่าย


13. Business Online คือการทำธุกิจผ่านระบบออนไลน์ เช่นการทำ seo เพื่อเป็นการโปรโมทเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนเว็บเสิร์ชเอ็นจินแล้วทำให้ธุรกิจของท่านได้รับความสนใจและได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้คนที่ได้เข้าชมเว็บ ไวต์ จึงทำให้ได้กลุ่มลูกค้าตรงตามกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ หรือการทำการตลาดผ่านทางเฟสบุ๊คเพราะยุคนี่ระบบ social network จะได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นการสร้างเป็นหน้า fanpage เพื่อให้คนที่สนใจได้ เข้าไปดูและเลือกชมการโฆษณาสินค้าผ่านเฟสบุ๊คได้ด้วย


14. PageRank คือวิธีการวัดความสำคัญของเว็บเพจนับล้านๆเว็บเพจบนอินเตอร์เน็ท โดยมีตัวเลขตั้งแต่ 0 ถึง 10 ยิ่งตัวเลขยิ่งสูง PageRank ก็ยิ่งสูง นั่นหมายความว่าเว็บไซต์นั้นๆมีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่มี PageRank ต่ำกว่า


15. Google maps คือ บริการเกี่ยวกับแผนที่ ผ่านเว็บบราวเซอร์ ของ Google 
เราสามารถเปิดเว็บไซต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เพื่อ เปิดใช้ บริการแผนที่ของ Google maps


16. Google+ คือการสนทนาที่สนุกยิ่งกว่าที่เคย เมื่อคุณพบโพสต์ที่น่าสนใจ แสดงความชื่นชอบโดยการแสดงความคิดเห็นหรือ +1 หรือแบ่งปันสิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ ลิงก์ หรือสิ่งอื่น


17. Google Analytics ก็คือ ตัวเก็บสถิติเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ พฤติกรรมของคนที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซด์ รวมทั้งติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญการโฆษณา Adwords หรือโปรแกรมการโฆษณาอื่นๆ ด้วยข้อมูลนี้ จะทราบว่าคีย์เวิร์ดใดที่ได้ผล ข้อความโฆษณาใดมีประสิทธิภาพมากที่สุด และผู้เข้าชมเว็บไซต์ออกจากเว็บไซต์ที่จุดใด


18. Anywhere--Anytime  คือทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ตรงไหนก็ตาม ขอแค่มี Internet  กับ Computer สักตัว คุณก็ทำงานได้แบบ 24/7 (24 ชั่วโมง 7)


19. Real Time คือการทำงานแบบทันที เช่น ระบบการรายงานผลแบบ Real Time คือระบบที่สามารถรายงานผลได้ทันที และตลอดเวลา 


20.Google Translateเป็นโปรแกรมช่วยแปลภาษาที่ต้องการได้ทันทีจากเครื่องของเรา โปรแกรมนี้สามารถทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ เช่น Outlook, Word, IE, Firefox ทำให้เราสามารถแปลภาษาได้ทันทีเพียงแค่เลือกประโยคที่ต้องการแปล โปรแกรมก็จะแปลภาษาให้โดยอัติโนมัติได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดหน้าเว็บแปลภาษาให้เสียเวลา



วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

.สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง Business


Online Business with Google


 การทำ SMEs ธุรกิจทุกประเภท

     
   ช่องทางการขายของ SMEs  อาจจะมีหน้าร้านแล้บางร้านอาจไม่มี  SMEs ในไทยเริ่มมีการขยับ  เพราะทุกคนสามารถเข้าถึง Internet กันได้หมด  ซึ่งใช้เทคโนโลยีในการค้นหาสินค้าหรือบริการ
   

'SoLoMo'   So คือ Social เครือข่ายสังคม Lo หรือ Local การเข้าถึงธุรกิจหรือบริการสำหรับคนพื้นที่ ท้องถิ่น และ  Mo หรือ  Mobile เข้าถึงผู้ใช้งานมือถือ

        ทั้ง 3  ส่วนจะเป็นแทรนด์ที่มาพร้อมกับ Digital  Marketing มีแทรนด์ใหม่อีกแทรนด์หนึ่งที่นักการตลาดจะต้องเข้ามาเรียนรู้  ซึ่งแทรนด์นี้เรียกว่า ZMOT(The Zero Moment Of Truth) ช่วงเวลาที่เป็นจุดกำเนิดของกระบวนการคิดและกระบวนการซื้อสินค้า

           1. มีตัวตนบนโลกออนไลน์   การที่จะมีตัวตนบนโลกออนไลน์  คือ การค้นแล้วเจอ  เจออยู่ในหมวดของการค้นหา หรือเจออยู่ในหน้าของหมวดการค้นหา

           2. ถูกค้นพบ  การ Be Found คือ  การที่เราจะถูกค้นหาจากโลกอินเตอร์เน็ตซึ่งทุกคนจะต้องอยู่ในผล Search ของระบบการค้นหาข้อมูล  เวลาที่ปรากฎมี 2 ส่วน ที่เราจะสามารถตัดสินใจได้ว่าเราจะมีตัวตนแล้วคนค้นแล้วเจอเรา

              -  ส่วนแรก  ผลเสิร์ซโดยปกติ (Natural Result) Google  จะเรียงลำดับตามศูนย์  ศูนย์ที่ Google ตั้งขึ้นเรียกว่า Page rank  จาก 0-10 ซึ่ง Google จะให้คะแนนแล้วเข้ามาดูเว็บเราว่ามีคุณภาพดีไหม มีข้อมูลเว็บไซต์โครงสร้างต่างๆ ดีหรือเปล่าแล้วก็ให้คะแนน  ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 

              - วิธีที่ทำให้ Google  ให้คะแนนเว็บไซต์เราเยอะเรียกว่า Search Engine Optimization คือการปรับปรุงการพัฒนาเว็บไซต์ของเราให้เป็นที่ถูกใจ Search Engine  ซึ่งจะมีกระบานการหนึ่งที่ทำให้เราสามารถปรากฎในหน้าแรกของการค้นหาได้ เรียกว่า Google Adwords จะเป็นโฆษณาเป็นโปรแกรมที่ Google ขายการทำงานของโฆษณาก็คือเวลามีคนค้นหา  คีย์คำค้นหาในช่องแล้วโฆษณาก็จะปรากฎอยู่ในกล่องสีแดงอยู่ด้านบนของการค้นหา และบางครั้งอาจจะเห็นอยู่ทางด้านขวามือของการค้นหา  ถ้าเราใส่คีย์เวิร์ดค้นหาเมื่อโฆษณาปรากฎขึ้นถ้าเราดูเฉยๆ ไม่เสียตัง  แต่ถ้เราดูแล้วเราสนใจเราคลิ๊กเข้าไปดูเว็บของเค้าเมื่อคลิ๊กบุบ Google ก็จะเก็บเงินเจ้าของเว็บไซต์จะเรียกว่า PPC( pay per click)
            3.  การปรากฎตัวของแผนที Google Map เป็นบริการฟรีซึ่งมีความสำคัญมากในปัจจุบัน
           
            4.  ทำอย่างไรเราจะใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้นและสามารถแชร์ข้อมูลกับลูกค้า  เรียกว่า
 Google +  ซึ่งเป็น Social  Media   เราสามารถโพสรูปภาพ วิดีโอ แชร์ข้อมูลต่างๆ กับลูกค้าได้เราสามารถเลือกที่จะแชร์ข้อมูลให้ลูกค้ากลุ่ใไหนก็ได้
            5. การวัดผลการทำการตลาด Google Analytics  เป็นชนิดเรียวไทมซึ่งเราจะเห็นผลแบบเรียวไทมทันทีเลยจะดูข้อมูลทุกประเภท

            6. การ Search  บนมือถือ Anywhere-Anytime จะใช้ที่ไหนก็สามารถค้นหาสินค้าได้ Search บนมือถือได้ก็เห็นโฆษณาได้   การทำโฆษณาบนมือถือเราต้องทำ Mobile Size ด้วยซึ่งจะทำให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการใช้

           7. Google Go Global เป็นเครื่องมือที่จะบอกเราว่าตลาดไหนเหมาะกับสินสินค้าเรามีความต้องการสินค้าเรา
       

วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย



คำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย 20 คำ


 1. Social Network  หมายถึง  สังคมออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณหาเพื่อนบนโลกอินเทอร์เน็ตได้ง่ายๆ เราสามารถที่จะสร้างพื้นที่ส่วนตัวขึ้นมา และได้ทำความรู้จักกับเพือนหรือคนอื่นๆ และยังสามารถแนะนำตัวเองได้เช่น Hi5,Friendster,MySpace,FaceBook,Orkut,Bebo,Tagged เป็นต้น  

2. Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลายทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบกันได้นั่นเอง


3. Digital หมายถึง ระบบที่ใช้ค่าตัวเลข โดยเฉพาะเลขฐานสอง สำหรับการส่งผ่านข้อมูล ประมวลผล เก็บข้อมูล หรือการแสดงผล แตกต่างกับระบบแอนะล็อกที่ใช้ค่าต่อเนื่องของข้อมูลในการทำงาน ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดของระบบดิจิทัลและระบบแอนะล็อก สามารถกล่าวถึงได้จากการส่งผ่านข้อมูลและการจัดเก็บข้อมูล


4. Consumer หมายถึง ผู้ที่มีความต้องการซื้อ (Need) มีอำนาจซื้อ (Purchasing power) ทำให้เกิดพฤติกรรมการซื้อ (Purchasing behavior) และพฤติกรรมการใช้ (Using behavior)



5. Publisher  หมายถึง เป็นโปรแกรมที่ช่วยสร้างสิ่งพิมพ์ที่มีลักษณะการใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วในการสร้างสื่อสิ่งพิมพ์
อย่างมืออาชีพ ด้วย Publisher  มีความสามารถในการสร้าง การออกแบบ และจัดท าเอกสารการตลาด ทางการ
สื่อสารแบบมืออาชีพ ส าหรับงานพิมพ์ และการท าจดหมายเวียนหรือจดหมายเวียนอิเล็กทรอนิกส


6.conversation หมายถึง การสนทนาอย่างต่อเนื่อง เช่นการเรียนภาษาอังกฤษแล้วมีการสนทนากันอย่างต่อเนื่อง หรือการ Present หัวข้อใดหัวข้อหนึ่งต่อจากนั้นมีการพูดคุยถกเถียงกันในประเด็นนั้น ๆ


7. people ware  หมายถึง บุคลากรในงานด้านคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งาน สั่งงานเพื่อ ให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ตามที่ต้องการ  

8.  E-Marketing  หมายถึงการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดโดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่ทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งานเข้ามาเป็นสื่อกลาง ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือ พีดีเอ ที่ถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยอินเตอร์เน็ต มาผสมผสานกับวิธีการทางการตลาด การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดอย่างลงตัวกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมาย ขององค์กรอย่างแท้จริง

9. Relationship หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างเอนทิตี้

 10. Co-Creation  หมายถึง เป็นแนวคิดในการพัฒนาสินค้าและบริการในรูปแบบใหม่ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้า หรือผู้ที่จะเป็นผู้ใช้สินค้าและบริการดังกล่าวเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา จริงๆ 

11. Dialogue หรือ สุนทรียสนทนา เป็นกระบวนการสื่อสารภายในองค์กร ที่เป็นลักษณะของการพัฒนากระบวนการคิดร่วมกัน การสื่อสารที่ไม่เพียงแต่เข้าไปในเนื้อหาที่ใครคนหนึ่งพูด หรือคิด หรือรู้สึกเท่านั้น แต่ยังลุ่มลึกเข้าไปสู่ในเรื่องของแรงกระตุ้น สมมติฐาน ความรู้ และความเชื่อต่างๆ ที่เป็น “สิ่งสะสม” อันเป็นพื้นฐานแห่งการแสดงออกและการปฏิบัติของบุคคล เป็นการสนทนาภายในกลุ่ม เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและถ่ายทอดความรู้ระหว่างกัน 


12. Globalization  หมายถึง ผลจากการพัฒนาการติดต่อสื่อสาร การคมนาคมขนส่ง และเทคโนโลยีสารสนเทศ อันแสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตของความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างปัจเจกบุคคล ชุมชน หน่วยธุรกิจ และรัฐบาล ทั่วทั้งโลก

 13. Transparency  คือ ฐานที่สร้างความไว้วางใจระหว่างบริษัทกับผู้มีส่วนได้เสียภายในกรอบข้อ จำกัดของภาวะการแข่งขันของบริษัท ความโปร่งใสมีส่วนช่วยเสริมประสิทธิผลของบริษัทและการทำงานของตลาดทุน ช่วยให้คณะกรรมการบริษัทสามารถแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิผลและเปิดโอกาสให้ ผู้ถือหุ้นและผู้ที่เกี่ยวข้องพินิจพิเคราะห์บริษัทได้อย่างถี่ถ้วนขึ้น

 14. Brand Awareness  หมายถึง   การที่ผู้บริโภคสามารถจำชื่อตรายี่ห้อของสินค้า  และบริการประเภทใดประเภทหนึ่งได้ ตัวอย่างเช่น เมื่อถามว่า รู้จักสบู่ยี่ห้ออะไรบ้าง   ผู้บริโภคตอบว่า ลักส์ โพรเทค จอห์นสัน นกแก้ว สบู่ ยี่ห้อดังกล่าวเป็นสบู่ที่ผู้บริโภครู้จัก 


15. Involvement คือ  การทำให้คนมีส่วนร่วม 


16. Commitment หมายถึง ความผูกพันหรือหากให้ตรงความคือสัญญาใจ ซึ่งกินความลึกซึ่งกว่าความผูกพันมากนัก สัญญาใจนี้มี 2 ระดับ คือ สัญญาใจกับงาน และสัญญาใจกับองค์กร


17.  Collaborative Software หมายถึง เป็นซอฟท์แวร์ที่เหมาะกับกระบวนการต่างๆ ขององค์กรที่ต้องมีการสื่อสารข้อมูลร่วมกัน ติดตามและตรวจสอบข้อมูลได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่น ทั้งนี้ปกติแล้ว Collaboration Software จะออกแบบในลักษณะ web application อันมีผลให้มีการสื่อสารและใช้ข้อมูลร่วมกันอย่างทันท่วงที เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติงานทั้งกรณีที่อยู่ในองค์กร หรือแม้แต่จะปฏิบัติงานภายนอกองค์กรก็ตาม

18. Transactions คือ หน่วยการทำงานโดยมีหลักการสำคัญที่ว่า หน่วยของการทำงานจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อทุกคำสั่งที่อยู่ในหน่วยการทำงานนั้นๆต้องสำเร็จทั้งหมด แต่ถ้ามีคำสั่งใดคำสั่งหนึ่งในหน่วยของการทำงานไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องแล้ว ทุกคำสั่งที่ทำไปแล้วจะต้องคืนค่าที่เปลี่ยนไปนั้น ให้กลับไปอยู่ในสภาพเดิม คือสภาพก่อนที่หน่วยของการทำงานจะเริ่มขึ้นทั้งหมด


19. SHARE  หมายถึง ส่วน ส่วนแบ่ง ส่วนร่วม หุ้นส่วน ใช้ร่วมกัน มีส่วนแบ่ง รับผิดขอบร่วมกันร่วมกันทำ  


20. Proactive  คือ คนที่เลือกที่จะเป็น เลือกที่จะทำ คือคนที่ "รู้ตัวว่าเลือกได้"คนที่มีนิสัยแบบนี้ จะมี

ความกระตือรือล้น เป็นคนที่ Active เป็นคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร 

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการฟังบรรยายเรื่อง......... Social Media,



 "การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0"


        Social Network, Social Media, Digital ถูกสร้างขึ้นภายใต้คอนเซ็ปของคำว่า "ปากต่อปาก"   ซึ่งเป็นการกระจายที่เร็วขึ้นเปรียบเสมือนเรียวไทม

      Social Media 

       media มี 4 ประเภท
    - owntd  media  มีผู้ประกอบการเป็นเจ้าของ ได้แก เว็บไซต์ บล็อกต่างๆ ที่เป็นสื่อของเราเอง
    - paid media เป็นสื่อที่เราต้องจ่ายตัง เช่น แบนเนอร์ สปอนเซอร์
    - earnd media เริ่มเป็น media ที่ลูกค้า ผู้บริโภคทั่วไปเป็นเจ้าของ
    - social media เป็นการโต้ตอบกันระหว่างลูกค้ากับผู้ขาย

     การเปลียนแปลงของผู้บริโภค เช่น
    - แบบ Globalization
    - แบบ publisher
    - แบบ conversation การสนทนาแบบต้องมีการโต้ตอบ
    - แบบ Transparency  ความโปรงใสนั้นเป็นเรื่องสำคัญในการประกอบธุกิจ

          ผู้บริโภคนั้นจะมีการสังเกตุการอยู่ตลอดเวลา ซึ่งไม่มีเรื่องใดที่เค้าไม่รู้ จะเป็นคนที่ in control  ซึ่งอำนาจจะอยู่ในมือของผู้บริโภค  จึงต้องเป็นเจ้าของแบรนด์ที่ดี

       กระบวนการสร้างแบรนด์  ในยุค Social ERA จะประกอบไปด้วย
    1. การสร้าง Awareness ทำยังไงให้คนรู้จัก
    2. การมีส่วนรวม Involvement 
    3. ทำให้ผู้บริโภคลุกขึ้นมาลอง  Trial 
    4. ทำให้ผู้บริโภคชอบ  Commitment 
    5. การบอกต่อ  แนะนำให้คนอื่นได้รับรู้

     Entertain  Value  เป็นเรื่องสำคัญในยุค Social ถ้าขาด  Entertain  ก็จะไม่มีคำว่า Share  หน้าที่ของนักการตลาดผู้ประกอบการในการที่จะสร้างแบรนด์  จะต้องทำทุกอย่างให้เกิดคำว่า บอกต่อ คำว่าแชร์  ไม่มีคำว่าแชร์ก็ไม่มีคำว่า Social 
    
  การเปลี่ยนแปลงของตลาด   Marketing
     1. ยุคแรก คือ  การซื้อมาขายไปทำให้เกิด Transaction  ในยุคแรกจะเป็นเรื่องของการแลกเปลี่ยน
     2. ยุคที่ 2 ทำให้ความสำคัญของ Relationship 1on 1 จะต้องมีการลงทุนในระยะยาวและการมีส่วนร่วมในการสร้างช่องทางใหม่ๆ
     3. ยุคที่ 3  เป็น M to M การรวมหมู่รวมกลุ่มในการทำการตลาด ในยุคของ collaborative  ไม่ใช้มีแค่เรากับลูกค้า แต่เป็นความสัมพันธ์ ที่มีลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้า คู่แข็งที่รวมกลุ่มกัน

     ในยุคของ Social Media เราจะนำไปใช้ประโยชน์อย่างไร 
       Co-creation  การมีส่วนร่วมจะช่วยสร้างแบรนด์
       - ช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
       - ช่วยในเรื่อง Relationship  จะต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนไอเดียกัน
       - ช่วยเก็บข้อมูลในเรื่องวิจัย
       - กลุ่มช่างคิดชอบเสนอไอเดีย
       - ช่วยปัญหาเรื่องกลยุทธองค์กร

      การเปลี่ยนแปลงทางการสื่อสาร
   Awareness เป็รตัวขับเคลื่อนการสร้างแบรนด์เป็นเรื่องของการสร้าง Dialogue ถ้าเราไม่สามารถสร้าง Dialogue  บทสนทนากับลูกค้าได้ ก็แปลว่าล้มเหลวในการทำ Social Media 


"Social   ต้องมี  Dialogue  ต้องมีการ Share  ต้องมีทั้ง 3 อย่าง"


  

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ


 ถ้าอยากจะให้ระบบการขายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ในประเทศไทยประสบความสำเร็จ น.ศ.คิดว่าควรจะต้องประกอบด้วยปัจัยใดบ้าง

    - สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์  ควรมีการแจ้งชื่อ  ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้สะดวก  ใช้ภาษาไทยอย่าถูกต้องในการเขียนคำอธิบายต่างๆ มีข้อมูลใหม่อยู่เสมอ และออกแบบเว็บไซต์ให้ดูน่าเชื่อถือ

    - การเลือกสินค้าที่นำมาขาย  ควรจะเป็นสินค้าที่นิยมขายกันในออนไลน์และเป็นที่ต้องการของตลาด  จะทำให้สินค้านั้นขายได้ง่าย

    - การตลาด  ควรมีตลาดรองรับที่ดีมีการวางแผนที่ดี  มีการสำรวจราคาสินค้าในตลาดว่ามีราคาเท่าไร  เราจะขายเท่าไร  และเหลือกำไรเท่าไร

    - ช่องทางการชำระเงิน  บอกรายละเอียดวิธีการชำระเงินในเว็บ และความปลอดภัยในการชำระเงินในเว็บไซต์ของเรา


สาเหตุที่เว็บ E-Commerce ไม่ประสบความสำเร็จ

สาเหตุใดที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร


    สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ E-commerce ในประเทศไทยไม่ประสบความสำเร็จนั้นมีด้วยกันหลายสาเหตุ  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการชำระเงิน  ปัญหาทางด้านการเข้าถึงสินค้า  และปัญหาทางด้านอุปนิสันของคนไทยในการเลือกซื้อสินค้า  ลักษณะนิสัยของคนไทยมักจะชอบเห็นสินค้าก่อนแล้วค่อยซื้อ  ซึ่งเดี่ยวนี้มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆบ้านจึงใช้เวลาให้การเดินทางไม่นาน  ไม่เหมือนต่างประเทศ ที่มีห้างร้านอยู่ไกล  การซื้อสินค้าออนไลน์จึงสะดวกกว่า

และอีกหลายๆสาเหตุ......
1. การนำเสนอข้อมูลบนเว็บไซต์ หลายเว็บไซต์ยังขาดทักษะเรื่องของภาษา การนำเสนอขายสินค้า
การใช้งาน และข้อมูลต่างๆที่ ลูกค้าต้องการเพิ่ม  บางเว็บไซต์ก็ใส่ข้อมูลที่เยอะมากเกินไป กว่าลูกค้าจะคลิกเข้าไปซื้อของได้ก็เสียเวลาเปิดเข้าไปในแต่ละหน้านานมาก

2. ขาดบุคคลากรที่มีความรู้ การนำเสนอข้อมูลที่ขาดรายละเอียดนั้น บางครั้งมีลูกค้าอีเมล์มาสอบถามเพิ่มเติม แต่บางเว็บไซต์ไม่ได้ตั้งบุคคลากรเพื่อดูแลปัญหานี้ หรือขาดความรู้ในการเข้าถึงเทคโนโลยี
มีผู้ประกอบการหลายราย เปิดเว็บไซต์แล้ว ไม่ได้ตรวจอีเมล์ หรือตอบช้าเกินไป

 3. การออกแบบ การออกแบบเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ควรออกแบบให้ผู้ใช้ เข้าใจได้ง่าย สามารถค้นหาสินค้าได้สะดวก และชำระเงินได้โดยง่าย บางเว็บไซต์ ผู้ซื้อต้องกรอกข้อมูลมากเกินความจำเป็น ทำให้เกิดความเบื่อหน่าย และรู้สึกว่าใช้งานลำบาก

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

E-Business


E-Business(ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์)

        พันทิป.คอม (Pantip.com หรือนิยมเรียกย่อว่า พันทิป) เป็นเว็บไซต์ไทยที่ให้บริการเว็บบอร์ด ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมแห่งหนึ่ง มีห้องสนทนาครอบคลุมแทบทุกหัวข้อที่ตั้งแต่เรื่อง คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยี อิเล็กทรอนิกส์ วิทยาศาสตร์ การเมือง ความรู้ กีฬา บันเทิง  พันทิปถือเป็นเว็บไซต์รุ่นแรก ๆ ของประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จ และยังคงดำเนินการมาจนทุกวัน

       ปัจจุบันพันทิปเป็นพันธมิตรกับเนชั่นกรุ๊ป โดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจป้อนข่าวประจำชั่วโมงให้พันทิป และเนชั่นมัลติมีเดียบริหารโฆษณาให้ ซึ่งในปี 2550 เว็บพันทิปเป็น 1 ใน 10 เว็บที่มีคนนิยมมากที่สุดในประเทศไทย รองลงมาจากสนุก.คอม และได้รับการจัดอันดับยอดนิยมของประเทศไทย โดย ทรูฮิต  โดยส่วนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์อยู่อันดับ 1 ใน 50 และนอกจากนี้มีให้บริการบล็อก ในเว็บไซต์บล็อกแก๊งก์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเว็บพันทิปโดยตรง


      htpp://hantip.com






        เนื้อหาหลักในเว็บพันทิปจะมีลักษณะการจัดการในลักษณะเว็บบอร์ด โดยในตัวเว็บจะแบ่งออกเป็นหลายส่วนเช่น พันทิปคาเฟ่ TechXchange พันทิปมาร์เก็ต ซื้อขายของ บล็อกแก๊งก์ ให้บริการบล็อก เซิร์ฟเวอร์ของพันทิป ใช้ระบบปฏิบัติการ FreeBSD โดยใช้ซอฟต์แวร์เว็บเซิร์ฟเวอร์ ชื่อ Apache และระบบฐานข้อมูล MySQL

เว็บไซต์ pantip.com เป็นเว็บไซต์ที่ เปิดโอกาสให้ผู้คนที่สนใจเกี่ยวกับการทำธุรกิจเครือข่าย ได้
- แสดงความคิดเห็น
- วิพากษ์วิจารณ์
- การแบ่งปันความรู้
- ให้ข้อมูลต่างๆ ทั้งในด้านบวก และ ด้านลบ เกี่ยวกับธุรกิจเครือข่ายต่างๆ อย่างเสรี..
เว็บไซต์ Pantip.com เป็นเว็บไซต์ชุมชนบนอินเทอร์เน็ต ที่อยู่ในรูปแบบของ "กระดานข่าว" (web board) ซึ่งทุกคนสามารถเข้ามาแสดงความคิดเห็น หรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ผ่านทางกระทู้ต่างๆ ตามหัวข้อย่อย ที่แบ่งเอาไว้เป็นหมวดหมู่


รูปแปบการทำงานของเว็บไซต์ pantip.com
เป็นแบบ C2C การทำธุรกิจที่เน้น ให้ ลูกค้าสร้างกลุ่มกันเองขึ้นมา เป็นชุมชน เข้า Chat หรือ พูดคุยให้ความเห็นกัน

ข้อดี....
การแสดงความคิดเห็น หรือการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นนั้น จะอ้างอิงข้อความของผู้แสดงความคิดเห็นด้วย "นามแฝง" ต่างๆ กันไป ด้วยเหตุนี้จึงเกิดปัญหาในเรื่องการใช้นามแฝงซ้ำกัน หรือมีการกลั่นแกล้ง โดยอ้างอิงนามแฝงของผู้อื่นมาใช้ โดยเจตนาเพื่อสร้างความเสียหาย และความเข้าใจผิดแก่เจ้าของนามแฝง และผู้ที่อ่านข่าวสาร
เพราะฉะนั้น เว็บไซต์ Pantip.com จึงจัดทำระบบสมาชิกขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่มีชื่อเป็นสมาชิกนั้น มีสัญลักษณ์พิเศษ (รูปอมยิ้ม) ตามหลังชื่อ เพื่อใช้ยืนยันตัวจริงของเจ้าของนามแฝง และป้องกันบุคคลอื่นแอบอ้างนำนามแฝงไปใช้โดยเจตนา

ข้อสีย....
-การสมัครสมาชิกไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ให้ทางเว็บทั้งสิ้น แต่มีการสมัครแบบ Mobile Register ที่ต้องเสียค่าบริการ sms ข้อความละ 10 บาท ซึ่งเป็นค่าดำเนินการของระบบมือถือ ไม่ใช่ค่าสมัครสมาชิก
-สามารถใช้สิทธิ์ต่างๆ เหมือนสมาชิก ยกเว้น ไม่สามารถโพสกระทู้ในบางห้อง ได้แก่ ราชดำเนิน, สินธร, ศาสนา, โต๊ะเครื่องแป้ง, ศุภชลาศัย และอาจถูกจำกัดสิทธิ์ในห้องอื่นๆ เพิ่มในอนาคต, ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการงาน ระบบคะแนนสมาชิก (แลกรางวัล, ถูกใจให้ give), โหวตกระทู้แนะนำ, โหวตลบกระทู้ (ไฟเขียว-ไฟแดง), โหวต Blog, โหวตผู้ใช้งานออกจากห้อง Chat หรืออาจจะถูกจำกัดสิทธิพิเศษบางอย่าง ที่จะมีในอนาคต ที่จะมีในอนาคต

มีค่า PR:6






SEM .....


SEM (Search Engine Marketing)
SEM เป็นการทำการตลาดออนไลน์ผ่านเสิร์จเอ็นจิ้น (Search Engine) โดยใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือในการทำการตลาด Search Engine Marketing นั้นนับได้ว่าเป็นเครื่องมือในการทำการตลาดได้ตรงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงและ สะดวกรวดเร็วผ่านสื่อออนไลน์ที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลก โดยผ่านการสื่อสารบนอินเตอร์เน็ต
การทำ SEM (Search Engine Marketing) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ
1. SEO (Search Engine Optimization) หรือการโปรโมทเว็ปไซต์ คือ การเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในส่วนของผลการค้นหาทั่วไปในหน้า Search Result Page โดยการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในเว็บไซต์ให้เป็นไปตามกฏของ Search Engine นั้นๆ
2. PPC (Pay Per Click) คือ ส่วนของพื้นที่โฆษณาซึ่งอยู่ในหน้า Search Result Page เช่นกัน แต่ต้องจ่ายเงินเมื่อมีการคลิ๊กเปิดเข้าไปดูเว็บไซต์ PPC มีข้อแตกต่างกับ SEO ตรงที่สามารถแสดงผลในลำดับต้นๆได้ง่ายและรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างในเว็ปไซด์ เพียงแค่ประมูล Keyword ที่ต้องการมา เว็บไซต์ก็สามารถแสดงอยู่ในอันดับต้นๆได้

ปัจจัยของการทำ SEO

ปัจจัยต่าง ๆ ของการทำ SEO

ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ On-Page Factor และ Off-Page Factor

On-Pages Factor คือ ทุกสิ่งที่ Search Engine สามารถมองเห็นจากเว็บไซต์  ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน เช่น
เนื้อหา หัวเรื่อง การเชื่อมโยง  เป็นต้น เหมือนกับที่มนุษย์สามารถมองเห็นได้จากโปรแกรม Text Browser
ซึ่งในการทำ On-Page Factor ควรคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ดังนี้
- ที่ Title Tag ควรใส่คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาภายในหน้าเอกสารนั้น ๆ เช่น ถ้าเนื้อหาของหน้าเว็บนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับโลกร้อน ควรใช้ Title ว่า “โลกร้อน”
- ควรวางขอบเขตของเนื้อหาในเอกสารแต่ละหน้า เช่น ถ้าต้องการเขียนเรื่องข้อมูลภาพยนตร์ ก็ไม่ควรให้มีข้อมูลอื่น ๆ เช่น เล่นเกม ฟังเพลง ปนอยู่
- การสร้าง Links ควรเชื่อมโยงไปที่หน้าเอกสาร ที่เกี่ยวกับข้อความที่ปรากฎใน Links เช่น
การทำ HyperLinks ที่ข้อความว่า “ภาพยนตร์” ก็ควร Links ไปในหน้าที่มีข้อมูลภาพยนตร์ ไม่ควร Link ไปในหน้าที่มีเนื้อหาอื่น ๆ เช่น เนื้อเพลง หรือ กลอน
- พยายามจัดกลุ่มของเนื้อหา และการเชื่อมโยงต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย
- พยายามตั้งชื่อไฟล์ให้สอดคล้องกับหัวข้อของเนื้อหาภายในหน้าเอกสาร

Off-Pages Factor คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ Search Engine ไปพบเจอมา ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฎอยู่ในหน้าเอกสารเว็บไซต์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยภายนอกดังเช่น
- การทำ Sitemap
- การเพิ่ม Link Popularity
- การเพิ่มรายชื่อเว็บไซต์ใน Directory Listing
- การทำ Social Networking